เป็นฟรีแลนซ์อย่างไรให้รอด

40 พลัสแล้วก็ยังเป็นฟรีแลนซ์ได้อย่างมีความสุข

ในปี 2027 คนอเมริกันส่วนใหญ่จะเป็น “ฟรีแลนซ์” นั่นเพราะมีแนวโน้มว่านายจ้างจะเลือกจ้างฟรีแลนซ์หรือลูกจ้างชั่วคราวเพื่อทำงานเฉพาะด้านมากกว่าจ้างพนักงานประจำซึ่งต้องเสียค่าจ้างมากกว่า แต่อาจได้ปริมาณพอๆ กับการจ้างฟรีแลนซ์ รวมไปถึงยังมีแนวโน้มที่คนวัยทำงานรุ่นต่อๆ ไปจะอยากทำงานอย่างเป็นอิสระมากกว่าการตื่นเช้าไปตอกบัตรเข้าทำงาน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเป็นฟรีแลนเซอร์จะมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น แต่คุณต้องบาลานซ์ระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวให้ดี เพราะฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่มักตะบี้ตะบันรับงานและมักคิดว่าตัวเองยังทำงานน้อยเกินไป ดังนั้นเมื่อเทรนด์กำลังเกิดขึ้นจริง ใครที่กำลังคิดจะเป็นฟรีแลนซ์ต้องรู้จักบริหารเวลา บริหารเงิน และบริหารชีวิต ดังนี้

1. มีประกัน

หากคุณอยู่ในระบบบริษัท คุณจะมีประกันสังคมและมีประกันสุขภาพกลุ่มให้เป็นที่พึ่งยามเจ็บป่วย แต่เมื่อเปลี่ยนบทบาทเป็นฟรีแลนซ์เมื่อไร คุณต้องจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นอย่าลืมแบ่งปันรายได้ส่วนหนึ่งมาจ่ายค่างวดประกันเพื่อเป็นตัวช่วยในยามฉุกเฉิน

 

2. ทำการตลาด

เมื่อคุณไม่มีเออีและนักการตลาด คุณต้องเป็นมันทั้งสองอย่างด้วยตัวเอง การเป็นฟรีแลนซ์มือใหม่มักประสบปัญหาไม่มีลูกค้า และเหตุที่ไม่มีลูกค้าเพราะไม่มีคอนเน็กชั่น ดังนั้นคุณต้องออกไปขายงานของตัวเอง ขยันรับงานพิชชิ่ง และจากนั้นอย่าลืมทำบัญชีให้เป็นระบบระเบียบเพื่อตอนสิ้นปีจะไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องภาษี

 

3. เวลาเป็นของคุณ

คนเป็นฟรีแลนซ์ไม่ต้องสนใจเรื่องวันพักร้อนเหมือนพนักงานประจำ แต่กระนั้นฟรีแลนซ์มักลืมวันพักร้อนไปเสียเฉยๆ เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตารับทุกงานที่เข้ามาเพื่อรักษาลูกค้าทุกเจ้าไว้กับตัวเอง แต่ฟรีแลนซ์ที่มีความสุขต้องมีวันพักดังนั้นคุณต้องรู้จักหาวันหยุดและวันพักร้อนให้ตัวเองเพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และประสิทธิภาพในการทำงานในอนาคต

 

4. โตแล้วไม่ทำฟรี

ฟรีแลนซ์หลายคนอาจเคยเจอปัญหา “งานฟรี” คือ ถูกนำเสนอให้ทำงานเพื่อเก็บเป็นพอร์ตฟอลิโอ มันหมดยุคแล้ว! คุณต้องรู้จักต่อรอง ต่อราคา ทำให้ลูกค้าเห็นว่างานของคุณมีคุณค่าและมูลค่า ไม่ใช่แค่งานฟรีส่งอาจารย์เหมือนเด็กมหาวิทยาลัย

 

5. อย่าลืมเข้าสังคม

การเป็นฟรีแลนซ์มักทำคุณโดดเดี่ยวเพราะไม่มีเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้อง ฉะนั้นอย่าทำงานอยู่บ้านนานเกินไป ลองออกไปหาโต๊ะทำงานตามร้านกาแฟหรือโคเวิร์กกิ้งสเปซบ้างก็ถือเป็นไอเดียที่ดี และอย่าลืมหากิจกรรมหรืองานอดิเรกอื่นที่ทำให้คุณได้เข้าสังคมและออกจากสภาพแวดล้อมอันน่ากดดันแบบเดิมๆ เพื่อการเป็นฟรีแลนซ์อย่างมีความสุขและไม่โดดเดี่ยว

 

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : 40+

Facebook Comments